ประกันรถยนต์ชั้น 1
ทุนประกันทุกบริษัทให้ที่ 80 % ของรถ เจ้าที่ให้เกินนั้น มั่วทั้งนั้น ก่อนหน้านี้ก็มีเคสของ ธนชาตประกันภัยให้เห็นในเวปบอร์ดพันทิป ที่มีคนซื้อรถเบนซ์มือสองมา แล้วทำประกันชั้น 1 กับธนชาต ให้ทุนประกันสูงเกินราคาที่ซื้อมาเสียอีก พอเกิดไฟไหม้เสียหายทั้งคัน กลับมีจดหมาย ปฎิเสธ ไม่จ่ายให้ตามทุนที่กำหนดไว้ ต้องไปพึ่ง คปภ. สุดท้ายจบอย่างไรไม่มีใครมาสรุป
การเคลม ต้องเลือกที่มีเคลมเป็นของตัวเอง
สินมั่นคง เด่นที่ มาที่เกิดเหตุเร็ว มีพนักงานเคลมของตัวเองมาก
การมีพนักงานเคลมเป็นของตัวเองเป็นข้อดีของคนเอาประกัน เป็นต้นทุนของบริษัทประกัน จะเห็นว่าบริษัทประกันใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยดัง มักจะ out source งานเคลมไปให้บริษัทรับทำเคลม การที่ได้บริการจากบริษัทรับทำเคลม ท่านจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ จากระบบเคลมที่บริษัทนั้นกำหนดไว้อย่างเต็มที่ เคยมีประสบการณ์ เคลมจากรถชน ใกล้ๆ นครปฐม โดยมีรถมาชนท้าย คู่กรณีเป็นฝ่ายผิด เรียกเคลมของบริษัทแห่งหนึ่ง ในวันอาทิตย์ มีพนักงานเคลม out source เนื่องจากเป็นวันหยุดของพนักงานเคลมบริษัทนั้น การบริการก็ถือว่า out source ทำได้ดี แต่ไม่รับความสะดวกเต็มที่เท่าที่ควร เพราะจริงๆ พนักงานเคลมถ้าเป็นของบริษัทนั้นเอง จะมีเครื่องออกใบเคลมอัตโนมัติแบบพกพา ทำงานได้รวดเร็วกว่า เป็นต้น
อู่ซ่อมเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับมือใหม่
อู่ซ่อม ควรเป็นสิ่งต้นๆ สำหรับมือใหม่ในการเลือกซื้อประกัน ต้องรู้ว่าอู่ซ่อม ดีๆ ใกล้บ้านของท่าน รับงานประกันของที่ไหนบ้าง แต่ปัญหาคือมือใหม่ ไม่เคยซ่อมรถ จึงไม่รู้ว่าอู่ไหนดี และใน internet ก็ยังไม่มีเวปรีวิว ดีๆ อย่างเช่น อยากกินอาหาร หาร้านอาหารใน เวปวงใน ก็ตอบโจทย์ได้ แต่ท่านจะหาว่าอู่ซ่อมดีๆ ใกล้บ้าน มีมั้ย ตอบว่ายาก การจะรู้ว่าดีมั้ยส่วนมากต้องลองซ่อมเองมาแล้ว ได้เห็นผลงาน เป็นต้น อีกเรื่องของอู่ซ่อมคือ ควรเป็นอู่ใกล้บ้าน เพราะจากประสบการณ์ กรณีท่านชนหนัก มีรถคันเดียว พอถึงเวลาต้องจอดซ่อม สองสามเดือน ท่านจะไปติดตามผลงานการซ่อมอย่างไร ถ้าไม่อยู่ใกล้บ้าน แล้วเวลาไปเปิดบิลซ่อม ท่านต้องไปเซ็นเอกสาร สมมติกรณีผม บ้านอยู่นนทบุรี รถชนที่นครปฐม ถ้าประกันแนะนำให้ซ่อมที่นครปฐม เพื่อไม่ต้องลากรถไกล กลับมาที่ใกล้บ้านผม แล้ววันที่ต้องไปเซ็นเอกสาร ยื่นสำเนาใบขับขี่ รายการจดทะเบียนรถ ผมต้องเหมา taxi ไปนครปฐมหรือ ???? แล้วใครจ่ายค่าแท๊กซี่ ให้ ค่าเสียเวลาอีก
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ซ่อมอู่หรือห้าง ดีนะ
สำหรับรถอายุไม่เกิน 3 ปี นิยมซ่อมห้าง เนื่องจากการซ่อมห้าง จะเน้นการเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ และใช้อะไหล่แท้ สำหรับบางบริษัทประกัน รับซ่อมห้างถึง 5 ปี เช่น สินมั่นคง เมืองไทยประกันภัยหากอายุมากกว่า 5 ปี จะรับซ่อมอู่ การซ่อมอู่เน้นอะไหล่ทดแทน เทียบเท่า มากกว่าอะไหล่แท้ นกกจากนี้อย่าได้ตายใจเรื่องการซ่อมห้าง เพราะมีหลายที่ ไปส่งรถซ่อมที่ศูนย์บริการของยี่ห้อนั้นๆ ก็จริง แต่ศูนย์นั้นไม่ได้มีเครื่องมือเพียงพอ เช่น ไม่มีห้องอบสี ก็ต้องส่งรถไปซ่อมที่อื่น คำว่าที่อื่นมีทั้ง ส่งไปซ่อมยังศูนย์ อื่นๆ ที่ใหญ่กว่าที่มีเครื่องมือเพียงพอ แต่เป็นเจ้าของเดียวกัน หรือต่างเจ้าของกัน นอกจากนี้ยังมีพวก ส่งรถออกไปซ่อมอู่นอก คือลูกค้าไปส่งรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการ แต่ศูนย์บริการแอบส่งรถออกไปซ่อมที่อู่ทั่วๆ ไป ข้างนอกอีกครั้ง แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการซ่อมอู่ เพียงแต่ศูนย์บริการอาจกำหนดให้มีการใช้อะไหล่แท้ หากมีการเปลี่ยนอะไหล่ในการซ่อมนั้นๆ เรื่องอายุรถสำหรับประกันชั้น 1 ซ่อมอู่ เป็นที่น่าดีใจว่า เมื่อก่อนนี้รับเพียงรถไม่เกิน 7 ปี แต่หลังๆ มาคนใช้รถกันนานขึ้น รักษารถกันมากชึ้น ประกันบางแห่งรับทำชั้น 1 ซ่อมอู่ถึง 15 ปี เกินจากนี้ก็ต้องไปดู 2+ 3+ หรือชั้น 3 แล้วครับ
กลุ่มรถ มีผลต่อการเลือกรับประกันของบริษัทประกัน
รถกลุ่ม 5 คือรถเก๋งเล็ก ได้แก่ vios city yaris amaze brio sonic fiesta almera march และอื่นๆ พวกนี้ แนะนำ ผลิตภัณฑ์ ประกันชั้น 1 ของ- เมืองไทยประกันภัย เป็นบริษัทประกันที่เบี้ยของกลุ่ม 5 ไม่แพง ทั้งซ่อมอู่ และซ่อมห้าง
- วิริยะประกันภัย กลุ่ม 5 บางยี่ห้อไม่แพง
- ไทยวิวัฒน์ รถยี่ห้อ toyota เข้าซ่อมห้างได้ตลอด ไม่จำกัดอายุ หากทำประกันชั้น 1 แต่ห้างที่ซ่อมต้องเป็นเครือข่าย ศูนย์ เค มอเตอร์ เป็นต้น
รถกลุ่ม 4 คือรถเก๋งขนาดกลาง และอะไหล่หาง่าย เช่น altis sylphy lancer กลุ่มนี้แนะนำ วิริยะประกันภัย
รถกลุ่ม 3 คือรถเก๋งใหญ่ เช่น civic accord camry teana elantra และพวก SUV เป็นต้น รถกลุ่มนี้เป็นความเชื่อของบริษัทประกันว่า จะเป็นกลุ่มที่ คนขับค่อนข้างมีวัย เพราะจะเป็นรถครอบครัว คนวัยทำงาน ปลายๆ การขับจะดีกว่าพวกกลุ่มรถเล็ก 4-5 ราคาเบี้ยประกันเมื่อเทียบต่อทุนแล้ว บางครั้งดูถูกกว่าเบี้ยกลุ่ม 4-5 รถกลุ่ม 3 แนะนำ กรุงเทพประกันภัย และ วิริยะประกันภัย
จริงๆปัญหาเรื่องราคาพวกนี้ สมัยนี้ไม่ต้องเสียเวลาสอบถามนายหน้า สามารถคำนวนออนไลน์ เปรียบเทียบทุกบริษัทในครั้งเดียว กับเวปไซต์ต่างๆ ที่เจ้าของเวปเขียนโปรแกรมไว้อยากยากลำบากแต่ผู้ใช้งาน ประหยัดเวลามากไม่ต้องโทรไปสอบถามที่ละบริษัทประกัน ใส่รายละเอียดรถครั้งเดียวก็ทราบราคาทั้งหมดทุกผลิตภัณฑ์
การเปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันกับความคุ้มครองในหลายๆ บริษัท
อย่าฝังใจว่าท่านต้องซื้อประกันกับบริษัทนี้บริษัทเดียว เพราะบางครั้งเบี้ยประกันสำหรับรถที่ท่านใช้อยู่ มีอัตราความเสียหายสูงในบริษัทประกัน นั้น ท่านก็จะต้องจ่ายแพงกว่าความเป็นจริงในภาพรวมของทุกๆ บริษัท เป็นต้น ตัวอย่างด้านล่าง สามารถคำนวนได้ที่ เวป ประกันรถดอทคอม www.prakunrod.com
สิ่งที่ควรดูในแต่ข้อเสนอของบริษัท นอกจากราคาเบี้ยที่ต้องจ่ายแล้ว คือ
1. ทุนประกัน ซึ่งจะได้คืนเวลารถหาย หรือเวลาชนหนักจนซ่อมไม่ได้ ซึ่งทุนประกันควรอยู่ในช่วง 80% ของราคาตลาด คำถามคือ ราคาตลาดของรถเรา ราคาเท่าไหร่ จริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ลึกลับ ราคาตลาดของรถ บริษัทประกันเองก็ หาข้อมูลมาจากแหล่งขายรถ ที่นิยมก็ มีเวป one2car ก็เอามาคูณ 0.8 จะได้ทุนประกันที่ควรทำ คือ 80% ของราคาซื้อขายในตลาด ไม่ควรทำทุนประกันต่ำ หรือสูงกว่านี้ เพราะนอกจากจะทำไม่ได้แล้ว ยังเสียเวลาโดนคืนงานกลับมา เริ่มคุ้มครองไม่ทันเวลาหมดประกันอีก ยกเว้น บางแพกเกจที่รับทำทุนต่ำ เรียกว่าทำ under ได้ เช่น แพกเกจประกันชั้น 1 ตามไมล์ของสินมั่นคง รับทำที่ทุน 2 แสน ด้วย อีกอย่างเรื่องการทำทุน over คือสูงกว่า 80% หากบริษัทประกันไหนเกินรับขึ้นมา เวลาเคลมจริง เค้าพิจารณาสินไหมใหม่อีกครั้ง ท่านอาจได้คืนไม่เต็มจำนวนตามหน้าตารางกรมธรรม์ เบี้ยที่จ่ายเกินไปเค้าคืนให้ แต่ทุนที่ทำไว้ไม่ได้เต็มนะครับ2.ความคุ้มครองทรัพย์สินคู่กรณี บางที่ 1 ล้าน บ้างก็ 5 ล้านเป็นต้น ตรงนี้คือกรณีไปชนกับรถแพงๆ ควรทำให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละคน เดียวจะต้องควักเงินจ่ายค่าซ่อมรถคู่กรณีเพิ่มเติมเองแล้วจะเสียความรู้สึก
3. จำนวนที่นั่งที่คุ้มครอง ตรงนี้คนที่ไปเที่ยวเป็นครอบครัวใหญ่ ควรมีจำนวนที่นั่งที่เหมาะสม บางคนไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่เพราะไม่เคยให้ใครนั่งรถตัวเองเกิน 5 อยู่แล้ว
4. เงินประกันตัว อันนี้เป็นตัวหลอก จริงๆ ไม่ค่อยมีที่ได้ใช้วงเงินนี้ มีวงเงินมากแต่เบี้ยแพง กับมีวงเงินน้อยแต่เบี้ยถูก ให้เลือกเบี้ยถูกไว้ดีกว่า เพราะไม่ค่อยจำเป็น 2 แสนก็พอแล้ว
การผ่อนชำระ
การผ่อนชำระเบี้ยประกันเป็นการหมิ่นแหม่ต่อการทำผิดกฎคปภ. เพราะเบี้ยประกันจะแ่บ่งจ่ายเป็นงวดไม่ได้ เค้ากำหนดไว้แบบนั้น ที่ทำๆ กันก็อาศัยช่องว่าง บวกกับความต้องการของผู้เอาประกันเป็นแรงพลักดัน เสริมกันเข้าไปให้ทำกันสีเทาๆ โดย ใช้วิธีผ่อนผ่านบัตรเครดิต บริษัทประกันได้เงินจากบัตรก้อนเดียวทั้งหมด ถือว่าไม่ผิดต่อ คปภ แต่บัตรเครดิตก็เรียกเก็บจากผู้เอาประกันเป็นงวดๆ กันไป ก็มีบ้างที่นอกคอกทำกันเป็นผ่อนเงินสดเป็นงวดๆ แอบๆ กันทำ ไม่สนับสนุน เลยพวกนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น